เครื่องยนต์ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของรถยนต์เพราะทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนให้รถวิ่งใช้งานได้เป็นปกติ ดังนั้นจึงควรเช็คสัญญาณเตือนอาการรถผิดปกติที่ควรรีบแก้ไข ด้วยการสังเกตอาการผิดปกติของรถได้ด้วยตัวเองจากการเห็น ฟังเสียง หรือการได้กลิ่นที่ผิดปกติ หากพบสิ่งผิดปกติต่อไปนี้ให้รีบทำการตรวจเช็กและซ่อมแซม โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการชำรุดที่บานปลายจนถึงความไม่ปลอดภัยในขณะขับขี่บนท้องถนน
การตรวจสอบและสังเกต สัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของรถยนต์
1. ไฟเตือน
- ไฟเตือนเครื่องยนต์ หากไฟนี้ขึ้นบนหน้าปัดรถยนต์ เป็นสัญญาณว่าเครื่องยนต์อาจมีปัญหา เช่น ระบบจุดระเบิด, เซ็นเซอร์หรือการไหลของน้ำมัน
- ไฟเตือนน้ำหล่อเย็น หากไฟเตือนน้ำหล่อเย็นขึ้น หมายความว่าเครื่องยนต์ของคุณอาจร้อนเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากปั๊มน้ำหล่อเย็นเสียหายหรือระบบระบายความร้อนมีปัญหา
- ไฟเตือนเบรก หากไฟนี้ติดขึ้น หมายถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรก เช่น ปริมาณน้ำมันเบรกต่ำ หรือแผ่นเบรกหมดสภาพ
- ไฟเตือนน้ำมัน สัญญาณว่าเชื้อเพลิงในถังน้ำมันเหลือน้อย และต้องเติมน้ำมัน
- ไฟเตือนแบตเตอรี่ หากไฟนี้ติดขึ้นแสดงว่าแบตเตอรี่ของรถยนต์มีปัญหา เช่น ชาร์จไม่เต็ม หรือระบบการชาร์จมีข้อผิดพลาด
2. เสียงผิดปกติจากเครื่องยนต์หรือระบบอื่น ๆ
- เสียงดังจากเครื่องยนต์ หากได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ผิดปกติ เช่น เสียง “กรอบแกรบ”, “เสียงกระทบกัน” หรือ “เสียงเงียบผิดปกติ” อาจหมายความว่าเครื่องยนต์มีปัญหา เช่น การขาดน้ำหล่อเย็นหรือความร้อนสูงเกินไป
- เสียงเบรกเสียดสีหรือร้อง ถ้าคุณได้ยินเสียงร้องหรือเสียงเสียดสีขณะเหยียบเบรก อาจหมายความว่า ผ้าเบรกหมดสภาพ หรือมีสิ่งสกปรกติดค้างในระบบเบรก
- เสียงจากระบบช่วงล่าง เสียงกรุ๊งกริ๊งหรือเสียงดังกระแทกขณะขับขี่อาจเป็นสัญญาณว่า ระบบกันสะเทือน หรือ โช้คอัพ มีปัญหาหรือหมดสภาพ
3. การเร่งเครื่องหรือเบรกที่ผิดปกติ
- การเร่งเครื่องไม่สมดุล หากเมื่อเร่งเครื่องแล้วรถยนต์ไม่ตอบสนองตามที่คาด หรือมีการกระตุกหรือการหยุดชะงักในขณะขับขี่ อาจเกิดจากปัญหาของ ระบบส่งกำลัง หรือ ระบบหัวฉีดน้ำมัน
- การเบรกที่ไม่มั่นคง หากพบว่าคุณต้องใช้แรงเหยียบเบรกมากขึ้นกว่าปกติหรือรถไม่หยุดทันทีที่เหยียบเบรก อาจเป็นเพราะระบบเบรกมีปัญหาหรือระดับน้ำมันเบรกต่ำ
- การพุ่งหรือกระชากขณะขับขี่ หากรถกระชากหรือสะดุดขณะขับขี่ อาจเกิดจากปัญหาที่ ระบบเกียร์, ระบบส่งกำลัง หรือ ระบบไฟฟ้า ที่เกี่ยวข้อง

4. การขับขี่ที่ผิดปกติ
- การควบคุมรถที่ยากขึ้น หากรถของคุณเริ่มมีอาการเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่คุณขับขี่ หรือมีความรู้สึกที่ควบคุมยากขึ้น แม้จะขับบนทางตรง อาจเป็นผลจาก ระบบบังคับเลี้ยว หรือ การสูญเสียแรงดันในยาง
- การหมุนของพวงมาลัยไม่ปกติ หากพวงมาลัยหมุนอย่างไม่สมดุลหรือมีการสะท้าน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ ระบบบังคับเลี้ยว หรือ ยางรถยนต์
5. การรั่วซึมของของเหลว
- น้ำมันรั่ว หากคุณพบคราบน้ำมันใต้รถ หรือได้กลิ่นน้ำมันที่ไม่ธรรมดาเมื่อจอดรถไว้ อาจเป็นสัญญาณว่ามีการรั่วซึมจากระบบน้ำมัน
- น้ำหล่อเย็นรั่ว การเห็นคราบน้ำหล่อเย็นที่รั่วจากใต้ฝากระโปรง หรือการเห็นน้ำหล่อเย็นหายไปจากถังอาจบ่งบอกว่า ปั๊มน้ำหล่อเย็น หรือ ท่อน้ำหล่อเย็น มีปัญหา
- น้ำมันเบรกหาย หากระดับน้ำมันเบรกต่ำหรือพบคราบน้ำมันเบรกใต้รถ อาจบ่งชี้ถึงการรั่วซึมจากท่อยางเบรกหรือปั๊มเบรก
6. การสั่นสะเทือนหรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
- การสั่นสะเทือนขณะขับขี่ หากคุณรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนที่ไม่ปกติ เช่น ตอนขับบนทางตรง หรือขณะเบรก อาจเป็นสัญญาณว่า ล้อ หรือ ยาง มีปัญหา หรือระบบ ช่วงล่าง ไม่สมบูรณ์
- การสั่นสะเทือนที่พวงมาลัย หากพวงมาลัยสั่นขณะขับขี่ อาจหมายถึงการที่ ล้อ ไม่สมดุล หรือ ยางมีปัญหา
7. กลิ่นผิดปกติ
- กลิ่นน้ำมัน กลิ่นน้ำมันรั่วจากใต้ฝากระโปรงหรือบริเวณเครื่องยนต์อาจบ่งบอกถึงการรั่วซึมของระบบน้ำมัน
- กลิ่นไหม้ หากมีกลิ่นไหม้เกิดขึ้นขณะขับขี่ อาจหมายถึง เบรกที่ร้อนจัด หรือ สายไฟร้อนจัด
- กลิ่นควันจากท่อไอเสีย หากมีกลิ่นควันแรงเกินปกติจากท่อไอเสีย อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาเกี่ยวกับ ระบบไอเสีย หรือ เครื่องยนต์
8. ไฟหน้า/ไฟท้ายหรือไฟสัญญาณอื่นๆ ไม่ทำงานหากพบว่า ไฟหน้า, ไฟท้าย หรือ ไฟเลี้ยว ไม่ทำงานตามปกติ อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่ ระบบไฟฟ้า หรือ หลอดไฟขาด

หากคุณพบ สัญญาณผิดปกติ เหล่านี้จากรถยนต์ของคุณ อย่ารอช้าที่จะ นำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการ ทาง เอเบิล มอเตอร์ส เรามีคุณภาพมาตรฐานในการดูแลรถยนต์ของท่านแบบมืออาชีพ สามารถนัดหมายนำรถของท่านเข้าตรวจสอบ “นัดหมายเข้ารับบริการ” เปิดให้บริการทุกวัน พร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้าทุกท่านที่เข้าใช้บริการที่ เอเบิล ทั้ง 7 สาขา